วันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

Winnie the pooh

จุดกำเนิด

มิลน์ตั้งชื่อตัวละครวินนี่-เดอะ-พูห์ตามชื่อหมีเท็ดดีซึ่งบุตรชาย คริสโตเฟอร์ โรบิน มิลน์ เป็นเจ้าของ ผู้ซึ่งเป็นแบบของตัวละครคริสโตเฟอร์ โรบิน ของเล่นของคริสโตเฟอร์ยังได้ใช้เป็นชื่อของตัวละครอื่นส่วนใหญ่ ยกเว้นตัวละครนกฮูก กระต่ายและโกเฟอร์ ซึ่งเพิ่มเข้ามาในรุ่นดิสนีย์ หมีของเล่นของคริสโตเฟอร์ โรบิน ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ที่สาขาหลักของหอสมุดสาธารณะนิวยอร์กในนครนิวยอร์ก

คริสโตเฟอร์ มิลน์ตั้งชื่อหมีของเล่นของเขาว่า วินนี่ หมีดำแคนาดาซึ่งเขามักเห็นบ่อยที่สวนสัตว์ลอนดอน และ "พูห์" หงส์ที่พวกเขาพบขณะเป็นวันหยุด ลูกหมีตัวนั้นถูกซื้อมาจากนายพรานเป็นราคา 20 ดอลลาร์สหรัฐ โดยร้อยโทแคนาดา  ในไวต์ริเวอร์ รัฐออนแทริโอ ประเทศแคนาดา ขณะเดินทางไปอังกฤษระหว่างสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เขาตั้งชื่อหมีนั้นว่า "วินนี่" ตามชื่อเมืองเกิดของเขาในวินนีเพ็ก รัฐแมนิโทบา "วินนี่" ถูกลอบซื้อไปยังอังกฤษร่วมกับเจ้าของของมัน และกล่าวขานกันว่าเป็นมาสคอตประจำกรมฟอร์ตแกร์รีฮอร์สอย่างไม่เป็นทางการ  ทิ้งวินนี่ไว้ที่สวนสัตว์ลอนดอน ขณะที่เขาและหน่วยของเขาประจำอยู่ในประเทศฝรั่งเศส หลังสงคราม มันถูกบริจาคให้แก่สวนสัตว์อย่างเป็นทางการ เมื่อมันได้รับความสนใจรักใคร่เป็นอันมาก

ป่าแอชดาวน์: ฉากของเรื่อง

เรื่องวินนี่-เดอะ-พูห์จัดว่าเกิดขึ้นในป่าแอชดาวน์ มณฑลซัสเซ็กซ์ อังกฤษ ป่านั้นอยู่ในบริเวณธรรมชาติงดงามที่ดีเด่นไฮวีลด์  ซึ่งตั้งอยู่ทางใต้ของกรุงลอนดอน 50 กิโลเมตร ใน ค.ศ. 1925 มิลน์ ซึ่งเป็นชาวลอนดอน ซื้อบ้านชนบทห่างจากป่าไปทางเหนือ 1 ไมล์ คริสโตเฟอร์ บุตรชายของมิลน์ ว่า ได้รับแรงบันดาลใจจากป่าแอชดาวน์ บิดาของเขาได้ใช้มันเป็น "ฉากหลักของหนังสือสองเล่มของท่าน โดยเล่มที่สองเสร็จนานกว่าสามปีหลังมาถึงเล็กน้อย"
สถานที่หลายแห่งในเรื่องสามารถเชื่อมโยงกับสถานที่จริงทั้งในและรอบ ๆ ป่าได้ ดังที่คริสโตเฟอร์ มิลน์เขียนในอัตชีวประวัติของเขา "ป่าของพูห์และป่าแอชดาวน์เหมือนกัน" ตัวอย่างเช่น "ป่าร้อยเอเคอร์" ในบันเทิงคดีนั้น แท้จริงแล้วคือ ป่าห้าร้อยเอเคอร์

toy story

วูดี้ ของเล่นคาวบอย ในฐานะของเล่นตัวโปรดของแอนดี้ เด็กชายวัย 6 ขวบ ทำให้วูดี้กลายเป็นหัวหน้าบรรดาของเล่น ด้วยความมาดมั่น ใกล้วันที่ย้ายบ้าน แอนดี้ จึงจัดวันเกิดก่อนวันเกิดจริง แต่เมื่อบัซ ไลท์เยียร์ ตุ๊กตาตำรวจอวกาศที่แม่ให้เป็นของขวัญซอไพรซ์ ได้ก้าวเข้าในถิ่นของวูดี้ ในฐานะของขวัญวันเกิดชิ้นโปรดของแอนดี้ การชิงดีชิงเด่น เพื่อเป็นขวัญใจ ของเจ้านายตัวน้อยจึงเกิดขึ้น และส่งผลให้ทั้งคู่ต้องตกไปอยู่ในบ้านของซิด เด็กชายข้างบ้านผู้รักที่จะทำลายของเล่นเป็นชีวิตจิตใจ และการร่วมมือระหว่างวูดี้กับบัซ เพื่อหลบหนีกลับมานี่เองที่ทำให้พวกเขาตระหนักถึงมิตรแท้ วู้ดดี้ และ บัซ ไลท์เยียร์ ได้พยายามไปให้ทันรถขนส่งให้ได้ คู่หูที่ดูไม่น่าจะเข้ากันได้ทั้งสองต้องเรียนรู้ที่จะปล่อยวายความแตกต่างของแต่ละคนเพื่อที่จะเอาชนะอุปสรรคที่จะทำให้ทั้งคู่ต้องแยกจาก แอนดี้ เจ้าของพวกเขา กับการผจญภัยสุดป่วน ภารกิจสุดฮา กับเพื่อนพ้องของเล่นอีกมากมาย

monster inc

เมื่อถึงเวลาขึ้นนอน เด็กๆ ทั่วโลกต่างรู้ดีว่า เมื่อพ่อแม่ของพวกเขาพาพวกเขาขึ้นเตียงนอน และปิดไฟมืดเมื่อไหร่ สัตว์ประหลาดที่ซ่อนตัวอยู่หลังประตูตู้เสื้อผ้าจะกระโดดออกมาทันที แต่สิ่งที่พวกเขาไม่เคยรู้เลยก็คือ ที่สัตว์ประหลาดเหล่านี้ต้องหลอกให้เด็กๆ กลัวไม่ใช่แค่เรื่องล้อเล่นส่วนตัว มันคือ ?งาน? ของพวกสัตว์ประหลาดทั้งหลาย
มอนสโทรโพลิสคือบ้านของเหล่าประชากรสัตว์ประหลาดที่มีทุกรูปร่างและทุกขนาด แหล่งพลังงานหลักของพวกมันได้มาจากเสียงกรีดร้องของมนุษย์ และโรงงานที่ผลิตเสียงกรีดร้องขนาดใหญ่ที่สุด ก็คือ Monster, Inc. (หรือเอ็มไอ) ทีมสัตว์ประหลาดแถวหน้าของโรงงานจะเดินทางสู่โลกมนุษย์โดยผ่านประตูตู้เสื้อผ้าในยามค่ำคืน ก็เพื่อหลอกเด็กๆ ให้ตกใจกลัว และเก็บเสียงกรีดร้องของพวกเขาเอาไว้ ที่ทำให้งานนี้ยากมากขึ้นก็คือความจริงที่ว่า สัตว์ประหลาดเหล่านี้เชื่อว่าพวกเด็กๆ คือของมีพิษ และถ้าไปแตะโดนตัวเด็กเข้าจะนำมาซึ่งหายนะ
พนักงานที่เก่งที่สุดที่Monster, Inc. ก็คือ เจมส์ พี ซัลลิแวน หรือซัลลีย์ สัตว์ประหลาดตัวสีเขียวอมฟ้าที่มีส่วนสูงแปดฟุต และมีจุดสีม่วง รวมถึงเขาบนหัว ผู้ช่วยสร้างเสียงกรีดร้องของซัลลีย์ ก็คือ สัตว์ประหลาดตาเดียวตัวสีเขียวที่ชื่อว่า ไมค์ วาโซว์สกี้ ที่เผอิญเป็นเพื่อนร่วมห้อง และเป็นเพื่อนซี้ของซัลลีย์ด้วย สำหรับคู่ซี้สองตัวนี้ ชีวิตมีความสุข ซัลลีย์อยู่ในยุครุ่งโรจน์ ปราศจากคู่แข่งใดๆ เว้นแต่เจ้ากิ้งก่าที่ชื่อว่า แรนดัลล์ บ็อกก์ส ผู้สร้างเสียงกรีดร้องได้เป็นอันดับสอง รองจากซัลลีย์ ขณะเดียวกันนั้น ความพยายามที่ไมค์พากเพียรจีบสาวที่ชื่อว่า ซีเลีย ซึ่งเป็นพนักงานต้อนรับของบริษัท เริ่มส่งผล เฮนรี่ เจ วอเตอร์นูส ประธานกรรมการบริหารของMonster, Inc. ต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตการณ์อันเนื่องมาจากความจริงที่ว่า พวกเด็กๆ เริ่มไม่กลัวอะไรง่ายๆ เหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว
คืนหนึ่ง ซัลลีย์พบตัวเองยืนอยู่ที่ชั้นแห่งความกลัว และยังพบอีกว่า ประตูที่เปิดไปสู่ตู้เสื้อผ้าไม่ได้แปลงสภาพกลับไปเป็นท่อทางเดิน เมื่อเปิดประตูเพื่อสืบหาสาเหตุ ซัลลีย์ก็ต้องยอมรับว่า มีเด็กมนุษย์เพศหญิงคนหนึ่งหลุดรอดมายังโลกของเขาแล้ว ด้วยความเชื่อฝังหัวว่าเด็กๆ มีพิษ ซัลลีย์พยายามที่จะเอาชนะความกลัวของตัวเอง และจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย แต่กลับพบว่าสถานการณ์ยิ่งเลวร้ายขึ้น เขากับไมค์ต้องพาเด็กหญิงคนนั้น ซึ่งซัลลีย์ตั้งชื่อว่า บู กลับไปยังบ้านจนกว่าพวกเขาจะคิดหาทางออกได้ วันต่อมา พวกเขาจัดการปลอมแปลงบูให้กลายเป็นสัตว์ประหลาดตัวหนึ่ง และพาเธอไปยังโรงงานโดยหวังจะส่งเธอกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย
ไมค์กับซัลลีย์ต้องเสี่ยงต่อความปลอดภัยของตัวเอง ขณะที่ต้องแข่งกับเวลาเพื่อส่งบูกลับไปยังโลกมนุษย์ ก่อนที่สัตว์ประหลาดตัวใดจะรู้ความจริงเข้า ทั้งซัลลีย์และไมค์ได้เข้าไปสะดุดแผนการขยายโรงงานผลิตโดยไม่รู้ตัว และพวกเขาต้องพบว่า พวกเขายืนอยู่ระหว่างการดำเนินงานตามแผนเข้าพอดี

The Lion King

สิงโตผู้เป็นจ่าฝูงในผาทรนง เป็นเจ้าแห่งสัตว์ทั้งมวล และมีจอมมายา ราฟิกิลิงแมนดริล ได้ทำพิธีเจิมซิมบ้า ลูกสิงโตเกิดใหม่ของสองสิงโตมุฟาซาและซาราบี และแสดงตัวซิมบ้าให้สัตว์ป่าที่มาชุมนุม ณ ผาทรนง
มุฟาซาเลี้ยงดูซิมบ้าในแดนทรนง คอยสั่งสอนซิมบ้าเกียวกับวัฏสงสารและความเป็นจริงของชีวิต ฝ่ายสการ์ น้องชายของมุฟาซาผู้หวังจะขึ้นเป็นเจ้าป่าครองแดนทรนงได้เล่าให้ซิมบ้าฟังถึงสุสานช้างที่มุฟาซาสั่งห้ามไม่ให้ซิมบ้าไป ซิมบ้าได้ไปขออนุญาตจากซาราบีผู้เป็นแม่ว่าจะไปเที่ยวเล่นที่หนองน้ำพร้อมกับนาลา ลูกสิงโตตัวเมียที่เป็นเพื่อนสนิทของซิมบ้า ซาราบีอนุญาตแต่ต้องให้ซาซู นกเงือกซึ่งเป็นคนสนิทของมุฟาซาติดตามไปด้วย แต่ซิมบ้าและนาลาได้หลบหนีการควบคุมของซาซูและเดินทางไปสุสานช้าง ณ ที่นั้น ซิมบ้าและนาลาได้พบกับหมาไน เช็นซี บันไซ และ เอ็ด หมาไนทั้งสามหวังจะสังหารซิมบ้าและนาลา แต่มุฟาซาได้มาช่วยชีวิตได้ทัน
หลังจากนั้นไม่นาน สการ์ได้เกลี้ยกล่อมเหล่าหมาไนให้เป็นพวก แล้วเริ่มวางแผนกำจัดมุฟาซาและซิมบ้า ต่อมาสการ์การหลอกให้ซิมบ้าไปเล่นในหุบเขา แล้วจึงให้หมาไนต้อนฝูงควายป่าเข้าไปในหุบเขา ซิมบ้าต้องหนีตายจากการถูกฝูงควายป่าเหยียบ ฝ่ายมุฟาซาก็รีบมาช่วยซิมบ้าจากฝูงควายป่า มุฟาซาช่วยซิมบ้าได้สำเร็จ แต่ตัวเขาเองถูกสการ์ผลักตกจากเชิงผาและถูกฝูงวัวป่าเหยียบจนตาย ฝ่ายสการ์ได้หลอกซิมบ้าว่าซิมบ้าเป็นต้นเหตุให้มุฟาซาตายแล้วให้ซิมบ้าหนีออกจาแดนทรนงโดยไม่ต้องกลับมาอีก หลังจากนั้น สการ์ได้สั่งให้สามหมาไน เซนซี บันไซ และเอ็ด ออกไล่ฆ่าซิมบ้า แต่ซิมบ้าหนีได้ทัน สการ์ได้ขึ้นเป็นเจ้าป่าแทนมุฟาซา โดยบอกเหล่าสัตว์เชื่อว่าในแดนทรนงว่าทั้งมุฟาซาและซิมบ้าได้ตายไปแล้ว
ฝ่ายซิมบ้าได้พบกับเมียร์แคททีโมนและหมูป่าพุมบ้าโดยไม่คาดฝัน คู่หูทั้งสองได้สอนการใช้ชีวิตแบบไม่ต้องกังวลอะไรให้กับซิมบ้าด้วยคติที่ว่า"ฮาคูน่า มาทาท่า"แปลว่าอย่ากังวล ซิมบ้าได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายกับทีโมนและพุมบ้าจนกระทั่งเติบโตเป็นสิงโตหนุ่ม แล้วซิมบ้าก็ได้พบกับนาลาเพื่อนสมัยเด็กโดยบังเอิญ นาลาได้บอกซิมบ้าว่าตั้งแต่สการ์ขึ้นเป็นเจ้าป่า แดนทรนงได้กลายเป็นดินแดนแห้งแล้งไปแล้ว เธอได้ขอให้ซิมบ้ากลับไปยึดแดนทรนงคืนจากสการ์ แต่ซิมบ้าปฏิเสธ ไม่นานหลังจากนั้น ราฟิกิลิงแมนดริล ได้เดินทางมาพบกับซิมบ้าและโน้มน้าวให้ซิมบ้ากลับไปกู้แดนทรนงได้สำเร็จ โดยการพาซิมบ้าไปพบวิญญาณของมุฟาซาที่ปรากฏตนบนฟากฟ้า
ซิมบ้า นาลา ทีโมน และพุมบ้าได้เดินทางกลับไปที่ผาทรนง แล้วเข้าต่อสู้กับฝูงหมาไน โดยมีเหล่าสิงโตที่ยังภักดีต่อมุฟาซาได้เข้าร่วมต่อสู้ ในที่สุด ซิมบ้าก็เอาชนะสการ์ได้ ซิมบ้าจึงได้ขึ้นเป็นเจ้าป่าแห่งแดนทรนงในที่สุด ชลชลชลชลใหญ่

mickey mouse

มิกกี้ เมาส์ (อังกฤษMickey Mouse) เป็นตัวละครการ์ตูนที่ครองใจเด็กๆทั่วโลก มีลักษณะเป็นหนูสีดำ สวมกางเกงเอี๊ยมสีแดง ถือกำเนิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2471 โดยวอลต์ ดิสนีย์ และอับ ไอเวิร์กส ให้เสียงโดยวอลต์ ดิสนีย์
จุดกำเนิดของมิกกี้ เมาส์ เกิดขึ้นขณะที่วอลต์ ดิสนีย์ นั่งอยู่บนรถไฟระหว่างทางมุ่งสู่ลอสแอนเจลิส เขาลงมือสเก็ตช์ภาพคาแรกเตอร์หนูเล็ก ๆ สวมกางเกงสีแดง ขึ้นมา โดยมีอับ ไอเวิร์กส ออกแบบรูปร่างลักษณะ การ์ตูนเสียงเรื่องแรก "เรือกลไฟวิลลี่" (Steamboat Willie)[1] เข้าฉายครั้งแรกที่ มอสส์โคโลนี่เธียเตอร์[2] โดยทางนิวยอร์กไทม์เขียนไว้ว่า "เป็นผลงานที่มีความคิดสร้างสรรค์เยี่ยมยอดและสนุก"
บุคลิกของมิกกี้ เมาส์ คือ มองโลกในแง่ดี มีความกระตือรือร้น ถ่อมตัวและเรียบง่าย ซื่อสัตย์ ชอบร้องอุทาน "Gosh" หรือบางครั้งก็ "Oh boy!", "Aw-Gee" ,"Uh-Oh!" ชอบอ่าน Newsweek, time, Life, National Geographic, Good Housekeeping มีหวานใจชื่อว่ามินนี่เมาส์ซึ่งเป็นตัวการ์ตูนที่ครองใจเด็กๆทั่วโลกเช่นกัน นอกจากนี้มิกกี้เมาส์ยังมีสุนัขสีน้ำตาลแสนรัก ชื่อว่า พลูโตที่เป็นสุนัขที่ซื่อสัตย์ ฉลาดและแสนรู้
มิกกี้ เมาส์ เป็นตัวการ์ตูนของค่ายดิสนีย์ ถือกำเนิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน ค.ศ.1928 (พ.ศ. 2471) โดย วอลเตอร์ อีลิส ดิสนีย์ และอับ ไอเวิร์กส เดิมทีพวกเขาเรียกมันว่า "มอร์ติเมอร์ เมาส์" ก่อนจะเปลี่ยนชื่อตัวการ์ตูนนี้ใหม่เป็น มิกกี้ เมาส์ จากการแนะนำของภรรยาวอลต์ ดิสนีย์ เนื่องจากเธอเห็นว่ามันเป็นชื่อที่ดูจริงจังจนเกินไป
ทั้งนี้ จุดกำเนิดของ มิกกี้ เมาส์ เกิดขึ้นขณะที่ วอล์ต อีลิส ดิสนีย์ (ขณะนั้นอายุ 27 ปี) นั่งอยู่บนรถไฟระหว่างทางมุ่งสู่ลอสแอนเจลิส เขาลงมือสเก็ตช์ภาพคาแรกเตอร์หนูเล็ก ๆ สวมกางเกงสีแดงขึ้นมา โดยมี อับ ไอเวิร์กส ออกแบบรูปร่างลักษณะ หลังจากนั้นในปี ค.ศ.1928 (พ.ศ. 2471) มิกกี้ เมาส์ ก็ปรากฏตัวครั้งแรกในหนังการ์ตูนเงียบที่ชื่อว่า Plane Crazy แต่ก่อนที่การ์ตูนเรื่องนี้จะออกฉายนั้น ก็เริ่มมีการนำเสียงมาใส่ในภาพยนตร์ ทำให้ มิคกี้ เมาส์ เป็นหนังการ์ตูนที่มีการใส่เสียงเรื่องแรกในโลก ในชื่อเรื่องว่า Steamboat Willie
การเปิดตัวครั้งแรกของ มิกกี้เมาส์ ในเรื่อง "Steamboat Willie" ในวันที่ 18 พฤศจิกายน ค.ศ.1928 (พ.ศ. 2471) ทำให้ มิกกี้เมาส์ กลายเป็นขวัญใจของเด็ก ๆ จวบจนปัจจุบัน โดยทางนิวยอร์กไทม์ เคยเขียนชื่นชมว่า มิกกี้ เมาส์ เป็นผลงานที่มีความคิดสร้างสรรค์เยี่ยมยอดและสนุก เพราะการ์ตูนเรื่องนี้มีจุดเด่นที่เพลงประกอบที่ไพเราะ ภาพ และฉากที่สวยงาม
ลักษณะเด่นของ มิกกี้ เมาส์ เป็นเพียงหนูตัวเล็ก ๆ หูกลมใหญ่สีดำ แขนขาเล็กมาก สวมกางเกงเอี๊ยมสีแดง รองเท้าสีเหลือง มีบุคลิกที่มีความอดทน อดกลั้น ฉลาดหลักแหลม มองโลกในแง่ดี และกล้าหาญ ที่สำคัญ มิกกี้ เมาส์ มีสัญชาตญาณพิเศษในเรื่องของการสืบสวนสอบสวน และด้วยบุคลิกที่โดดเด่นในแง่นี้เองทำให้ตัวการ์ตูนตัวนี้ชอบที่จะใช้เหตุผลเพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ โดยไม่ต้องใช้กำลังเข้าสู้ จนสามารถเอาชนะศัตรูที่มีร่างกายที่แข็งแรงกว่า ทำให้ มิกกี้เมาส์ สามารถเป็นที่รักและครองหัวใจของเด็ก ๆ และผู้คนทั่วโลกได้เป็นเวลาหลายทศวรรษ